Skip to main content

เที่ยวประเทศสิงคโปร์คนเดียว 3 วัน 2 คืน แบบไม่ง้อทัวร์!!

ต้องออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ของผมเป็นครั้งแรก

การเดินทางในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ปุบปับมาก ไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้ามากแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นทริปต่างประเทศเปิดศักราชใหม่ที่เกิดขึ้นเร็วมากในทุกๆมิติโดยคำแนะนำของคุณแม่ที่อยากจะให้เราได้ออกไปใช้ชีวิตตอบแทนความอดทนที่เราได้เหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งปี 2566 ที่ผ่านมาครับ

กำหนดการเดินทาง: 16 - 18 ก.พ. 2567

ทริปนี้เราออกเดินทางช่วงเย็นของวันที่ 16 ก.พ. 2567, เวลา 19.00 น. จากประเทศไทยโดยสายการบินแห่งชาติ การบินไทยของเรานั่นเองครับ ที่เลือกเดินทางในช่วงเย็นก็เพราะจะได้ไม่ต้องแบกแล็ปท็อปไปทำงานระหว่างที่ต่างประเทศ (คงจะน่าเบื่อน่าดูเลยถ้าต้องแบกงานไปทำด้วยครับ) สายการบินแห่งชาติของเราก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ เครื่องดีเลย์ตามคาดครับ ประมาณ 30 นาที แต่ก็ไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยตามเวลาที่ดีเลย์ครับ


ในปีที่ผมเดินทาง สิงคโปร์มีการปรับเปลี่ยนการเข้าเมืองใหม่ หากท่านต้องการใช้ Auto Gate (ทำรายการประตูอัตโนมัติเพื่อเข้าประเทศสิงคโปร์) ท่านจะต้องลง SG Arrival Card ผ่านทางเว็บไซด์ ICA โดยท่านจะต้องทำการลงทะเบียน 3 วันก่อนเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ หากทำการลงทะเบียนส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันเดินทาง ก็สามารถเดินเข้า Auto Gate ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปต่อคิวเข้า ตม. ให้เสียเวลาอีกต่อไป ขั้นตอนง่ายมากๆเพียงแค่ Scan Passport และทำตามขั้นตอนของตัวเครื่องครับ

เมื่อเราเดินทางมาถึง Changi Airport เราจะพบกับความสวยงามของสนามบินประเทศสิงคโปร์ครับ สนามินใหญ่มาก และมีจุดให้เราแวะถ่ายรูปเยอะแยะมากมากครับ โดยการบินไทยจะลงที่อาคาร Terminal 1 (T1) ครับ ไม่ต้องกลัวจะเดินหลงนะครับ เพราะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดเพื่อให้เราเดินไปเข้าตรวจคนเข้าเมืองของประเทศสิงคโปร์ในสนามบินได้อย่างง่ายดายครับ ถือว่าได้เดินดูสนามบินเพลินๆไปในตัวครับ


สิงคโปร์เป็นอีกเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องของการคมนาคมที่สะดวกมาก ทั้งตรงเวลาและมีทั่วทุกมุมประเทศครับ ปัจจุบันสามารถใช้ Visa, Mastercard ในการแตะจ่ายเข้ารถไฟฟ้า,รถเมล์ได้เลย ไม่ต้องซื้อบัตรรถไฟฟ้าอีกต่อไปครับ (แต่จะเสียค่าแลกเปลี่ยนเงินนิดหน่อยครับ) โดยส่วนตัวแนะนำให้สมัครบัตร Travel Card เอาไว้เพื่อแลกเป็นสกุลเงินในประเทศเพื่อสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะเสี่ยงอันตรายครับ

พอเราตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาเอากระเป๋าเดินทางครับ ที่นี่สะดวกสบายและรวดเร็วมาก เราเดินมาค่อนข้างไกลมากนะครับจากประตูลงเครื่อง กว่าจะผ่านตรวจคนเข้าเมืองอีก น่าจะประมาณ 20 นาที แต่เมื่อเดินออกมาไม่นาน กระเป๋ามาถึงแล้วครับ!! อยากให้ท่าอากาศยานไทยมาดูการทำงานของสนามบินสิงคโปร์จริงๆครับ ประทับใจจุดนี้มาก



พอรับกระเป๋าเสร็จ ผมก็เดินมารับซิมการ์ดที่จองเอาไว้ผ่านแอพพลิเกชั่น Klook ซึ่งขอแนะนำเลยว่าให้จองก่อนที่จะมาเที่ยวสิงคโปร์ครับ นอกจากจะประหยัดค่าโรมมิ่งแล้ว ยังให้อินเตอร์เน็ต unlimited 100GB ขึ้นไป (อันนี้ขึ้นอยู่กับค่ายที่สมัครเลยครับ) ในรอบนี้ผมเลือก Singtel ซึ่งจากที่ได้ศึกษามาพบว่าสัญญาณของ Singtel ในสิงคโปร์เสถียรที่สุดเลยเลือกซื้อซิมกับเจ้านี้ครับ ราคาวันที่ซื้ออยู่ประมาณ 2xx บาทไม่เกิน 300 บาทครับ ขั้นตอนการรับซิมก็ง่ายครับ เพียงนำ Voucher ที่สั่งซื้อมาและ Passport มารับที่เคาเตอร์ UOB ที่มีให้บริการฝั่งผู้โดยสารขาเข้าของสนามบิน แค่นี้ก็ได้รับซิมการ์ดไปใช้งานให้ฉ่ำ ไม่ต้องโรมมื่งแพงๆมาจากไทยแล้วครับ

ด้วยความที่เราเดินทางมาถึงมืดแล้วนะครับ ก็ได้เวลาเช็คอินเข้าโรงแรมครับ โดยครั้งนี้เรามาพักที่โรงแรม Heritage Collection On Clarke Quay ถือว่าเป็นโรงแรม 2 ดาวที่ไฮเทคสุดๆและสะอาดมากๆโรงแรมนึงเลยครับ จะไม่มี Reception ที่อยู่ที่โรงแรมคอยให้บริการ ทุกอย่างติดต่อผ่านทาง Whatsapp ทั้งหมดครับ (ความเห็นส่วนตัว ผู้เข้าพักอาจจะต้องเรียนรู้เทคโนโลยีนิดนึงนะครับไม่เช่นนั้นงงตายเลย) โดยหากทำตามขั้นตอนของทางโรงแรมเสร็จสิ้น เขาจะให้ Digital Keycard มา แล้วเราใช้แอพพลิเกชั่นของโรงแรมในการเปิดประตูเข้าโรงแรม,ขึ้นลิฟต์ รวมถึงเข้าห้องพักครับ 

ห้องพักที่ได้ก็ถือว่าสวยกว่าที่คาดหวังไว้ กว้างขวาง สะอาด และทำเลเรียกได้ว่าดีมากๆ เดินทางสะดวกและอยู่ใกล้ Hawker Center รวมถึงผับบาร์ย่าน Clarke Quay เลยครับ ถ้าใครเดินทางคนเดียวหรือเป็นคู่ก็ขอแนะนำครับ ราคาเพิ่มจากโรงแรมแคปซูนไม่มาก และต้องทำใจนะครับว่าโรงแรมในสิงคโปร์ ราคาค่อนข้างสูงหมดครับ ที่นี่ถือว่าราคาย่อมเยาว์ที่สุดที่หาได้ในแบบห้องเดี่ยวครับ



สิงคโปร์เป็นเมืองเล็กๆที่สะอาดมากกกก (ก.ไก่ ล้านตัว) ครับ และก็ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กทำให้เดินเที่ยวได้ง่าย ข้อเสียอย่างเดียวคืออากาศร้อนมากครับ (อันนี้ต้องทำใจไว้เลย) แต่ถ้าทนเรื่องร้อนได้ถือว่าแต่ละจุดที่เดินทางไปน่าสนใจและมีประวัติหมดเลยครับ

พอเราเช็คอินเข้าโรงแรมเสร็จก็เกือบๆเที่ยงคืน วันศุกร์แน่นอนครับละแวกนั้น ปาร์ตี้กันสนุกสนานเลยริมแม่น้ำสิงคโปร์ครับ ผมก็เลยลองเดินเล่นๆดู เป็นบรรยากาศที่ชิวมากถึงแม้ว่าจะร้อนแต่ก็ถือว่าดีกว่าเดินตอนกลางวันมากครับ พอเดินเล่นๆถ่ายรูปเสร็จ เราก็กลับโรงแรมนอนเพื่อออกเที่ยวต่อในวันถัดไปครับ





ตื่นเช้ามาวันที่ 2 แพลนวันนี้จะออกไปทำบุญครับและก็เดินเที่ยวชมเมือง ผมออกเดินทางจากโรงแรม เดินไปเรื่อยๆชมเมืองยามเช้าเพื่อเดินทางไปที่แรกของวันนี้ นั่นก็คือวัดพระเขี้ยวแก้ว, สิงคโปร์ ครับ วัดนี้ถือเป็นวัดเก่าแก่ของประเทศสิงคโปร์ครับ ถ้าไปแต่เช้าก็จะเจอชาวสิงคโปร์มากราบไหว้กันพอสมควร และสามารถเก็บภาพได้จากภายนอกโดยที่คนยังน้อยๆครับ








หลังจากได้เดินไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ได้มาแวะที่ Lau Pa Sat เป็นตลาดเก่าแก่แห่งประเทศสิงคโปร์ครับ แวะทานโกปี้กับขนมปังปิ้งยามเช้า อร่อยจริงๆครับ จากนั้นก็เดินกลับโรงแรม อาบน้ำพักผ่อน แล้วค่อยลงไปหาอาหารทานข้าวเช้าครับ


อาหารเช้าเราทานแบบง่ายๆใน Hawker Center หน้าโรงแรมนะครับ ขอบอกว่าอาหารอร่อยและราคาไม่แพงมากครับ

พออิ่มกายสบายท้อง อาบน้ำให้ชุ่มฉ่ำก็เดินทางต่อไปตามแพลนที่เราวางไว้คือไป Garden By The Bay ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่อยากให้มา จะมากลางวันหรือกลางคืนก็สวยครับ แต่จะสวยงามคนละแบบ โดยส่วนตัวผมเลือกที่จะไปตอนกลางวัน เพราะต้องการหลีกหนีคนและความร้อนครับ (ยอมรับตรงๆว่าคิดไม่ผิดเลยครับ) ถึงจะไม่ได้ดูแสงสีเสียงตระการตาในตอนเย็น แต่ถือว่าได้มาดูดอกไม้นานาพันธุ์สวยๆท่ามกลางความเย็นของโดมกระจก ทำให้ฮีลใจได้เป็นอย่างดีครับ

นอกจากความสวยงามของ Garden By The Bay ที่เราเห็นกันภายนอกแล้วนะครับ ที่นี่ยังถือว่ามีนวัตกรรมล้ำซ่อนอยู่ภายในนะครับ อาคารเป็นโดมกระจกก็จริง แต่เปิดแอร์เย็นฉ่ำทั้งวัน โดยน้ำเย็น (Water Chiller) จะถูกจ่ายมาจากเขตทำความเย็นกลาง (Cooling District) ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลสิงคโปร์ใน Project Cooling Singapore โดยรัฐบาลสิงคโปร์สร้าง Project นี้เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อนที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นทุกปี เป็นการยุบรวมการระบายความร้อนแบบรวมศูนย์ไว้ที่จุดเดียวโดยแชร์กันใช้ตามอาคารในบริเวณเดียวกัน ซึ่ง Cooling District นี้ยังถือได้ว่าเป็นโครงการใต้พื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยครับ






 พอเดินทางกลับที่พัก แดดล่มลมตก ก็แวะออกมาทานสะเต๊ะที่ถนนสะเต๊ะ Lau Pa Sat อีกรอบ ด้านหลังตลาดจะปิดถนนเพื่อตั้งเป็นถนนสะเต๊ะ นักท่องเที่ยวต่างมารอกันค่อนข้างเยอะครับ ทางเราก็ไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองประสบการณ์สะเต๊ะของที่นี่ ต้องขอบอกว่าอร่อย ถูกปากมากๆครับ ใครที่ชอบรสชาดจัดจ้านก็แนะนำเลยครับ ส่วนข้ามกันไก่ Ipoh ก็ถูกสั่งมาทานเพื่อความกลมกล่อมของอาหารมือนี้ด้วยครับ


พอรับประทานอาหารอิ่มแล้ว ก็เดินชมเมืองต่อ วันนี้ได้แวะไปย่าน China Town ครับ มีของกินเยอะแยะมากเลย ห้างคนค่อนข้างเยอะครับ ก็ถือว่าเดินชมเมืองเอาประสบการณ์ชิวๆครับ




ตื่นเช้า ใจหายเหมือนกันครับ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่สิงคโปร์แล้ว ก็เลยออกมาเดิน วันนี้เป็นคิวของเจ้า Merlion ครับ ถ้าไม่มาถ่ายรูปด้วย คงเหมือนไม่ได้มาสิงคโปร์เนอะ ผมเลยมาแต่เช้า ไม่น่าเชื่อว่า ภาพที่ถ่ายออกมาตอนเช้าจะสวยงามมากครับ คุ้มค่ากับการตื่นเช้าออกมาดูวิวครับ บรรยากาศยังไม่ร้อนมา เราจึงเดินเล่นลัดเลาะไปเรื่อยๆ ไปถึงผ่าน National Gallery Singapore, โบสถ์ St Andrew's Cathedral ตอนเช้าอากาศไม่ร้อนมาก และยังได้รูปสวยๆกลับมาเยอะแยะเลยครับ





เดินจนพอสมควรก็ถึงเวลาอาหารเช้า โดยอาหารเช้าเราเลือกทานร้านข้างๆโรงแรมเลยครับ อาหารอร่อย ราคากลางๆครับ ชื่อร้าน Mum's Nasi Lemak ร้านนี้แนะนำครับหากใครมาพักแถว Clarke Quay ก็แวะมาทานได้ครับ


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จกลัวอากาศจะร้อนไม่พอ เลยถือโอกาสไปเดินเล่นที่ Fort Canning Park เป็นสวนอยู่ใจกลางเมืองที่สวยงามแห่งหนึ่งก็ว่าได้เลยครับ มีจุดถ่ายรูปเช็คอินคืออุโมงค์ ซึ่งต้องเดินหรือนั่งรถเมล์ไปอีกฟากหนึ่งของสวนครับ







หมดเวลาสนุกแล้วสิ ใกล้เวลากลับแล้ว ก็เลยเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เตรียมตัว Check Out จากโรงแรม โรงแรมที่สิงคโปร์ส่วนใหญ่ Check Out 11.00 AM นะครับ ถ้าต้องการออกช้ากว่าอาจจะต้องแจ้งทางโรงแรมครับ ผมก็เดินทางออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน Changi เพื่อรอขึ้นเครื่องและแวะซื้อของฝากไปด้วยครับ อย่าลืมว่าที่สนามบินมีห้าง Jewel ที่เป็นจุดถ่ายรูปน้ำตกมหึมาไว้รอเราถ่ายรูปแล้ว ถ้าอยากไปถ่ายรูปต้องเผื่อเวลาดีๆนะครับ เพราเดินทางโดย MRT ค่อนข้างใช้เวลาครับ



 
ถึงเวลาบอกลาสิงคโปร์อย่างเป็นทางการแล้วครับ.... ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมาก แต่เต็มอิ่ม สนุก ได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และนวัตกรรมมากมาย ท่านไหนมีโอกาสลองบินมาสัมผัสประสบการณ์ประเทศที่มีเสน่ห์ในตัวเองนี้ อย่ากลัวที่จะร้อน (เพราะบ้านเราก็ร้อนอยู่แล้วครับ 55) มีจุดถ่ายรูปสวยๆมากมายเลยครับ แถมเดินเที่ยวง่ายสะดวกมากๆครับ ค่าครองชีพอาจจะสูงกว่าบ้านเราหน่อยครับ



หวังว่าจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์จาก Blog นี้ไม่มากก็น้อยนะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ แล้วพบกันใหม่กับ Blog ท่องเที่ยวหน้าครับ...สวัสดีครับ



Comments

Popular posts from this blog

Cafe in Chachoengsao - Lifehouse cafe ไลฟ์เฮ้าส์คาเฟ่

Cafe in Chachoengsao           There has so many cafe in Thailand that traveller would like to visit. Most of traveller has been visited to Bangkok rather than visit to rural area. Today I would like to take to you the new tropicana type of cafe to sip and relax when you are here in Chachoengsao which is not too far away from the airport. This is the place that you will have peace in mind while you're traveling Chachoengsao. Place: Lifehouse cafe Time: 8:30–17:00  

คาเฟ่สวยย่านเหม่งจ๋าย-เลียบด่วน

ปฏิเสธไม่ได้เลยที่สมัยนี้จะมีคาเฟ่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อตอบรับการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) ถ้าจะมองหาคาเฟ่อร่ อยๆ วันนี้เรามีแนะนำ 1 ที่ในเมือง น่านั่งทำงาน ที่นั่งคือ  Gimmick Cafe & Restaurant ทางร้านไม่ได้มีแค่ของหวานและกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอาหารคาวให้บริการด้วยครับ สถานที่: Gimmick Cafe & Restaurant เวลา: 7.00-23.00 น. ทุกวัน  ลองแวะเวียนมาชิมที่ร้านคาเฟ่ได้นะครับ

มิถุนายน เดือนแห่ง Pride

ตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คุณย่อมได้เห็นกิจกรรมหรือแคมเปญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งสายรุ้ง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าที่มาและเบื้องหลังของความภาคภูมิใจนี้แลกมาด้วยอะไร ทั้งการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ ในยุค 70 หรือการจลาจลที่สร้างแรงกระเพื่อมไปสู่หน้าประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของโลก ActCy ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน LGBTQ+ และงาน Pride Happy Pride Month!

5G มีความสำคัญอย่างไรกับโลกปัจจุบัน

  การสื่อสารไร้สารในปัจจุบัน คงไม่มีใครไม่รู้จัก "5G" เนื่องจากทุกคนต่างคุ้นเคยใน 4G และเทคโนโลยีอย่าง 3G, 2G มาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าให้เล่าเกี่ยวกับ 5G เกี่ยวกับรายละเอียดเชิงลึก คงไม่สามารถอธิบายได้ใน Blog อย่างแน่นอน และเชื่อว่าหลายท่านคงจะไม่เข้าใจในความซับซ้อนของระบบ เราจึงขอสรุปเป็นใจความเข้าใจง่ายเป็นประเด็นๆนะครับ 5G คืออะไร? 5G คือยุคของการสื่อสารไร้สาย ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ 5 ของการสื่อสารไร้สาย (5th Generation) ก่อนหน้าเราจะเป็นยุคของ 4G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เรายังคงต้องใช้ควบคู่กันกับ 5G อยู่ 5G มีความสำคัญอย่างไรกับเรา? เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ปัจจุบันเราจะเห็นการใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้นหลายเท่าตัวกว่าสมัยเมื่อ 5 ปีก่อนย้อนหลังเป็นอย่างมาก เนื่องจากความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ทั้งในส่วนของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ทำให้ 5G ต้องเข้ามามีบทบาทเร็วขึ้น 5G รองรับแบนด์วิดท์ (bandwidth) ได้มากขึ้น อัตราการดาวโหลดและอัพโหลดสูงขึ้นเปรียบเสมือนถนนที่กว้างขึ้นก็รองรับการส่งและรับข้อมูลได้ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า และแน่นอนว่าเรื่องของ Latency ย่อมลดลง รวมถึงความปลอดภัยของการเข้าร...

สรุปมติสมรสเท่าเทียม

  18 มิถุนายน 2567 วุฒิสภาไทยโหวตผ่านร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ด้วยคะแนน 207 เสียง ต่อ 10 เสียง ผล  - ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่รับรองการสมรสของคนเพศหลากหลาย  - คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรส มีสิทธิ์และหน้าที่เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิง  - กฎหมายนี้ยังคุ้มครองสิทธิเด็กที่เกิดจากการสมรสเท่าเทียม รายละเอียดเพิ่มเติม  - ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านกระบวนการทางนิติบัญญัติอีก 2 ขั้นตอน  - คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา  - ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อ เช่น ระเบียบการจดทะเบียนสมรส การรับบุตรบุญธรรม กฎหมายภาษี และสิทธิการสืบทอดมรดก แหล่งข้อมูล  - สิ้นสุดการรอคอย! มติ สว. เห็นชอบ “สมรสเท่าเทียม” | The Active  - “กม.สมรสเท่าเทียม” ผ่านแล้ว สร้างประวัติศาสตร์ชาติแรกอาเซียน | Thai PBS News ข่าวไทยพีบีเอส

WiFi 7 คืออะไร?

WiFi 7 คืออะไร? WiFi 7 เป็นมาตรฐาน WiFi ที่กำลังจะมา โดยมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า IEEE 802.11be Extremely High Throughput (EHT) ซึ่งทำงานอยู่บน 3 คลื่นความถี่ (2.4 GHz, 5 GHz, และ 6 GHz) เพื่อใช้งานทรัพยากรคลื่นความถี่อย่างเต็มความสามารถ ขณะที่เทคโนโลยี WiFi 6 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานที่มีจำนวนอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับเทคโนโลยี WiFi 7 มีการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วไปยังทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับการบัฟเฟอร์, ล่าช้า, หรือความแออัดของสัญญาณ การเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี WiFi 7 WiFi 7 มาพร้อมกับแบนด์วิดท์ขนาดกว้างเป็นพิเศษจำนวน 320 MHz, 4096-QAM, Multi-RU, และ Multi-Link Operation เพื่อให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงกว่า WiFi 6 ถึง 4.8 เท่า และเร็วกว่า WiFi 5 ถึง 13 เท่า เพื่อรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น   WiFi 7 แตกต่างจากเทคโนโลยี WiFi รุ่นก่อนอย่างไร? แม้ว่า WiFi 6 จะให้ความเร็วมากขึ้นถึง 37% จาก WiFi รุ่นก่อน แต่ก็ไม่ได้มีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการรับส...

รู้จัก ESG แนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ

  รู้จัก ESG กรอบแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน 3 ด้าน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี ESG จะกลายเป็นกติกาใหม่ในการทำธุรกิจ บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้าน ESG อย่างโปร่งใส เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ความสำคัญของ ESG ที่ไม่ใช่แค่การขับเคลื่อนธุรกิจ ภาครัฐ และ ภาคประชาชน ต้องร่วมมือกันเพื่อโลกและสังคมที่ดีกว่า การประกอบธุรกิจในปัจจุบันจะมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศแปรปรวน รวมไปถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น ที่สำคัญปัญหาดังกล่าวล้วนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อที่จะกอบกู้โลกใบนี้ พวกเราทุกคนจึงต้องช่วยกัน ซึ่งภาคเอกชนเองก็ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจหันไปใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้นักลงทุนทั่วโลกจึงหันมาสนใจแนวคิด ESG ที่คำนึงถึงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนนำมาใช้พิจารณาเมื่อคิดจะลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ...

สิ้นสุดการรอคอย ยึดทุกพื้นที่! “LISA” ส่งเอ็มวี ”ROCKSTAR” ดันโลเคชั่นไทยสู่สายตาชาวโลก

ยึดทุกพื้นที่ความฮอตในนาทีนี้ของจริง สำหรับสาวสวย LISA (ลลิษา มโนบาล) แร็ปเปอร์ นักร้อง นักเต้นและสไตล์ ไอคอนระดับโลก ที่ล่าสุดได้ปล่อยซิงเกิลใหม่ล่าสุดของเธอที่มีชื่อว่า “Rockstar” ในวันนี้ 28 มิถุนายน โดยซิงเกิลนี้จะเป็นซิงเกิลแรกของ LISA ที่ได้ปล่อยภายใต้สัญญาข้อตกลงระหว่างบริษัทของเธอ LLOUD Co. และ RCA Records โดย LLOUD CO. บริษัทของ LISA เองที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้นเป็นเหมือนความอุตสาหะที่จะสร้างพื้นที่ในการแสดงวิสัยทัศน์ของเธออย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นในด้านดนตรีหรือด้านการบันเทิงเพื่อที่จะผลักดันขีดจำกัดต่างๆนั่นเอง   ที่มา : Dailynews