ต้องออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ของผมเป็นครั้งแรก
การเดินทางในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ปุบปับมาก ไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้ามากแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นทริปต่างประเทศเปิดศักราชใหม่ที่เกิดขึ้นเร็วมากในทุกๆมิติโดยคำแนะนำของคุณแม่ที่อยากจะให้เราได้ออกไปใช้ชีวิตตอบแทนความอดทนที่เราได้เหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งปี 2566 ที่ผ่านมาครับ
กำหนดการเดินทาง: 16 - 18 ก.พ. 2567
ทริปนี้เราออกเดินทางช่วงเย็นของวันที่ 16 ก.พ. 2567, เวลา 19.00 น. จากประเทศไทยโดยสายการบินแห่งชาติ การบินไทยของเรานั่นเองครับ ที่เลือกเดินทางในช่วงเย็นก็เพราะจะได้ไม่ต้องแบกแล็ปท็อปไปทำงานระหว่างที่ต่างประเทศ (คงจะน่าเบื่อน่าดูเลยถ้าต้องแบกงานไปทำด้วยครับ) สายการบินแห่งชาติของเราก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ เครื่องดีเลย์ตามคาดครับ ประมาณ 30 นาที แต่ก็ไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยตามเวลาที่ดีเลย์ครับ
ในปีที่ผมเดินทาง สิงคโปร์มีการปรับเปลี่ยนการเข้าเมืองใหม่ หากท่านต้องการใช้ Auto Gate (ทำรายการประตูอัตโนมัติเพื่อเข้าประเทศสิงคโปร์) ท่านจะต้องลง SG Arrival Card ผ่านทางเว็บไซด์ ICA โดยท่านจะต้องทำการลงทะเบียน 3 วันก่อนเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ หากทำการลงทะเบียนส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันเดินทาง ก็สามารถเดินเข้า Auto Gate ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปต่อคิวเข้า ตม. ให้เสียเวลาอีกต่อไป ขั้นตอนง่ายมากๆเพียงแค่ Scan Passport และทำตามขั้นตอนของตัวเครื่องครับ
สิงคโปร์เป็นอีกเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องของการคมนาคมที่สะดวกมาก ทั้งตรงเวลาและมีทั่วทุกมุมประเทศครับ ปัจจุบันสามารถใช้ Visa, Mastercard ในการแตะจ่ายเข้ารถไฟฟ้า,รถเมล์ได้เลย ไม่ต้องซื้อบัตรรถไฟฟ้าอีกต่อไปครับ (แต่จะเสียค่าแลกเปลี่ยนเงินนิดหน่อยครับ) โดยส่วนตัวแนะนำให้สมัครบัตร Travel Card เอาไว้เพื่อแลกเป็นสกุลเงินในประเทศเพื่อสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะเสี่ยงอันตรายครับ
พอเราตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาเอากระเป๋าเดินทางครับ ที่นี่สะดวกสบายและรวดเร็วมาก เราเดินมาค่อนข้างไกลมากนะครับจากประตูลงเครื่อง กว่าจะผ่านตรวจคนเข้าเมืองอีก น่าจะประมาณ 20 นาที แต่เมื่อเดินออกมาไม่นาน กระเป๋ามาถึงแล้วครับ!! อยากให้ท่าอากาศยานไทยมาดูการทำงานของสนามบินสิงคโปร์จริงๆครับ ประทับใจจุดนี้มาก
พอรับกระเป๋าเสร็จ ผมก็เดินมารับซิมการ์ดที่จองเอาไว้ผ่านแอพพลิเกชั่น Klook ซึ่งขอแนะนำเลยว่าให้จองก่อนที่จะมาเที่ยวสิงคโปร์ครับ นอกจากจะประหยัดค่าโรมมิ่งแล้ว ยังให้อินเตอร์เน็ต unlimited 100GB ขึ้นไป (อันนี้ขึ้นอยู่กับค่ายที่สมัครเลยครับ) ในรอบนี้ผมเลือก Singtel ซึ่งจากที่ได้ศึกษามาพบว่าสัญญาณของ Singtel ในสิงคโปร์เสถียรที่สุดเลยเลือกซื้อซิมกับเจ้านี้ครับ ราคาวันที่ซื้ออยู่ประมาณ 2xx บาทไม่เกิน 300 บาทครับ ขั้นตอนการรับซิมก็ง่ายครับ เพียงนำ Voucher ที่สั่งซื้อมาและ Passport มารับที่เคาเตอร์ UOB ที่มีให้บริการฝั่งผู้โดยสารขาเข้าของสนามบิน แค่นี้ก็ได้รับซิมการ์ดไปใช้งานให้ฉ่ำ ไม่ต้องโรมมื่งแพงๆมาจากไทยแล้วครับ
ห้องพักที่ได้ก็ถือว่าสวยกว่าที่คาดหวังไว้ กว้างขวาง สะอาด และทำเลเรียกได้ว่าดีมากๆ เดินทางสะดวกและอยู่ใกล้ Hawker Center รวมถึงผับบาร์ย่าน Clarke Quay เลยครับ ถ้าใครเดินทางคนเดียวหรือเป็นคู่ก็ขอแนะนำครับ ราคาเพิ่มจากโรงแรมแคปซูนไม่มาก และต้องทำใจนะครับว่าโรงแรมในสิงคโปร์ ราคาค่อนข้างสูงหมดครับ ที่นี่ถือว่าราคาย่อมเยาว์ที่สุดที่หาได้ในแบบห้องเดี่ยวครับ
สิงคโปร์เป็นเมืองเล็กๆที่สะอาดมากกกก (ก.ไก่ ล้านตัว) ครับ และก็ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กทำให้เดินเที่ยวได้ง่าย ข้อเสียอย่างเดียวคืออากาศร้อนมากครับ (อันนี้ต้องทำใจไว้เลย) แต่ถ้าทนเรื่องร้อนได้ถือว่าแต่ละจุดที่เดินทางไปน่าสนใจและมีประวัติหมดเลยครับ
พอเราเช็คอินเข้าโรงแรมเสร็จก็เกือบๆเที่ยงคืน วันศุกร์แน่นอนครับละแวกนั้น ปาร์ตี้กันสนุกสนานเลยริมแม่น้ำสิงคโปร์ครับ ผมก็เลยลองเดินเล่นๆดู เป็นบรรยากาศที่ชิวมากถึงแม้ว่าจะร้อนแต่ก็ถือว่าดีกว่าเดินตอนกลางวันมากครับ พอเดินเล่นๆถ่ายรูปเสร็จ เราก็กลับโรงแรมนอนเพื่อออกเที่ยวต่อในวันถัดไปครับ
ตื่นเช้ามาวันที่ 2 แพลนวันนี้จะออกไปทำบุญครับและก็เดินเที่ยวชมเมือง ผมออกเดินทางจากโรงแรม เดินไปเรื่อยๆชมเมืองยามเช้าเพื่อเดินทางไปที่แรกของวันนี้ นั่นก็คือวัดพระเขี้ยวแก้ว, สิงคโปร์ ครับ วัดนี้ถือเป็นวัดเก่าแก่ของประเทศสิงคโปร์ครับ ถ้าไปแต่เช้าก็จะเจอชาวสิงคโปร์มากราบไหว้กันพอสมควร และสามารถเก็บภาพได้จากภายนอกโดยที่คนยังน้อยๆครับ
หลังจากได้เดินไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ได้มาแวะที่ Lau Pa Sat เป็นตลาดเก่าแก่แห่งประเทศสิงคโปร์ครับ แวะทานโกปี้กับขนมปังปิ้งยามเช้า อร่อยจริงๆครับ จากนั้นก็เดินกลับโรงแรม อาบน้ำพักผ่อน แล้วค่อยลงไปหาอาหารทานข้าวเช้าครับ
อาหารเช้าเราทานแบบง่ายๆใน Hawker Center หน้าโรงแรมนะครับ ขอบอกว่าอาหารอร่อยและราคาไม่แพงมากครับ
พออิ่มกายสบายท้อง อาบน้ำให้ชุ่มฉ่ำก็เดินทางต่อไปตามแพลนที่เราวางไว้คือไป Garden By The Bay ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่อยากให้มา จะมากลางวันหรือกลางคืนก็สวยครับ แต่จะสวยงามคนละแบบ โดยส่วนตัวผมเลือกที่จะไปตอนกลางวัน เพราะต้องการหลีกหนีคนและความร้อนครับ (ยอมรับตรงๆว่าคิดไม่ผิดเลยครับ) ถึงจะไม่ได้ดูแสงสีเสียงตระการตาในตอนเย็น แต่ถือว่าได้มาดูดอกไม้นานาพันธุ์สวยๆท่ามกลางความเย็นของโดมกระจก ทำให้ฮีลใจได้เป็นอย่างดีครับ
นอกจากความสวยงามของ Garden By The Bay ที่เราเห็นกันภายนอกแล้วนะครับ ที่นี่ยังถือว่ามีนวัตกรรมล้ำซ่อนอยู่ภายในนะครับ อาคารเป็นโดมกระจกก็จริง แต่เปิดแอร์เย็นฉ่ำทั้งวัน โดยน้ำเย็น (Water Chiller) จะถูกจ่ายมาจากเขตทำความเย็นกลาง (Cooling District) ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลสิงคโปร์ใน Project Cooling Singapore โดยรัฐบาลสิงคโปร์สร้าง Project นี้เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อนที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นทุกปี เป็นการยุบรวมการระบายความร้อนแบบรวมศูนย์ไว้ที่จุดเดียวโดยแชร์กันใช้ตามอาคารในบริเวณเดียวกัน ซึ่ง Cooling District นี้ยังถือได้ว่าเป็นโครงการใต้พื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยครับ
พอเดินทางกลับที่พัก แดดล่มลมตก ก็แวะออกมาทานสะเต๊ะที่ถนนสะเต๊ะ Lau Pa Sat อีกรอบ ด้านหลังตลาดจะปิดถนนเพื่อตั้งเป็นถนนสะเต๊ะ นักท่องเที่ยวต่างมารอกันค่อนข้างเยอะครับ ทางเราก็ไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองประสบการณ์สะเต๊ะของที่นี่ ต้องขอบอกว่าอร่อย ถูกปากมากๆครับ ใครที่ชอบรสชาดจัดจ้านก็แนะนำเลยครับ ส่วนข้ามกันไก่ Ipoh ก็ถูกสั่งมาทานเพื่อความกลมกล่อมของอาหารมือนี้ด้วยครับ
พอรับประทานอาหารอิ่มแล้ว ก็เดินชมเมืองต่อ วันนี้ได้แวะไปย่าน China Town ครับ มีของกินเยอะแยะมากเลย ห้างคนค่อนข้างเยอะครับ ก็ถือว่าเดินชมเมืองเอาประสบการณ์ชิวๆครับ
ตื่นเช้า ใจหายเหมือนกันครับ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่สิงคโปร์แล้ว ก็เลยออกมาเดิน วันนี้เป็นคิวของเจ้า Merlion ครับ ถ้าไม่มาถ่ายรูปด้วย คงเหมือนไม่ได้มาสิงคโปร์เนอะ ผมเลยมาแต่เช้า ไม่น่าเชื่อว่า ภาพที่ถ่ายออกมาตอนเช้าจะสวยงามมากครับ คุ้มค่ากับการตื่นเช้าออกมาดูวิวครับ บรรยากาศยังไม่ร้อนมา เราจึงเดินเล่นลัดเลาะไปเรื่อยๆ ไปถึงผ่าน National Gallery Singapore, โบสถ์ St Andrew's Cathedral ตอนเช้าอากาศไม่ร้อนมาก และยังได้รูปสวยๆกลับมาเยอะแยะเลยครับ
เดินจนพอสมควรก็ถึงเวลาอาหารเช้า โดยอาหารเช้าเราเลือกทานร้านข้างๆโรงแรมเลยครับ อาหารอร่อย ราคากลางๆครับ ชื่อร้าน Mum's Nasi Lemak ร้านนี้แนะนำครับหากใครมาพักแถว Clarke Quay ก็แวะมาทานได้ครับ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จกลัวอากาศจะร้อนไม่พอ เลยถือโอกาสไปเดินเล่นที่ Fort Canning Park เป็นสวนอยู่ใจกลางเมืองที่สวยงามแห่งหนึ่งก็ว่าได้เลยครับ มีจุดถ่ายรูปเช็คอินคืออุโมงค์ ซึ่งต้องเดินหรือนั่งรถเมล์ไปอีกฟากหนึ่งของสวนครับ
หมดเวลาสนุกแล้วสิ ใกล้เวลากลับแล้ว ก็เลยเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เตรียมตัว Check Out จากโรงแรม โรงแรมที่สิงคโปร์ส่วนใหญ่ Check Out 11.00 AM นะครับ ถ้าต้องการออกช้ากว่าอาจจะต้องแจ้งทางโรงแรมครับ ผมก็เดินทางออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน Changi เพื่อรอขึ้นเครื่องและแวะซื้อของฝากไปด้วยครับ อย่าลืมว่าที่สนามบินมีห้าง Jewel ที่เป็นจุดถ่ายรูปน้ำตกมหึมาไว้รอเราถ่ายรูปแล้ว ถ้าอยากไปถ่ายรูปต้องเผื่อเวลาดีๆนะครับ เพราเดินทางโดย MRT ค่อนข้างใช้เวลาครับ
Comments
Post a Comment